This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ลักษณะของเมล็ดกาแฟคั่วที่ควรรู้

        การคั่วเมล็ดกาแฟ ถือว่าเป็นห้วใจสำคัญที่เป็นขั้นตอนแรกในการปรุงรสกาแฟ เนื่องจากเมล็ดกาแฟจะมีลักษณะเล็ก แข็ง ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ การคั่วจะเป็นขั้นตอนที่เผยเสน่ห์แห่งกลิ่นและรสออกมา ความร้อนจากการคั่วจะมีผลต่อน้ำมัน แป้ง โปรตีน และสารเคมีที่อยู่ในเมล็ดกาแฟออกมา ด้วยเหตุนี้ความแตกต่างของสายพันธุ์กาแฟ และระยะเวลาการคั่ว ล้สนเป็นส่วนที่กำหนดให้กาแฟมีกลิ่น และรสที่แตกต่างกัน
เราสามารถสามารถเลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วสำเร็จ เพื่อนำมาปรุงเป็นกาแฟสูตรต่างๆ ได้ด้วยตนเอง และเราสามารถรับรู้รสชาติของกาแฟแต่ละถ้วยได้จากสีของเมล็ดกาแฟคั่ว ซึ่งแตกต่างกันตามระยะเวลาและระดับอุณหภูมิของการคั่วกาแฟที่เป็นมาตรฐานสากล


Light Roast เป็นการคั่วแบบอ่อนที่สุด ใช้เวลาน้อย 5-10 นาที ที่อุณหภูมิประมาณ 400 องศาฟาเรนไฮต์ กาแฟที่คั่วแบบนี้จะมีสีเหลืองนวลออกเข้มจนถึงสีเหลือง การคั่วในระยะนี้จะทำให้เมล็ดกาแฟยังมีรสเปรี้ยว (Acidity) อยู่มาก กาแฟที่นิยมคั่วแบบนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือ Half City Roast, New England Roast, Cinnamon Roast

Medium Roast การคั่วแบบปานกลางใช้เวลาประมาณ 11-15 นาที ที่อุณหภูมิประมาณ 400-450 องศาฟาเรนไฮต์ เมล็ดกาแฟจะมีสีเหลืองเข้มจนถึงสีน้ำตาลอ่อน ให้รสหวานเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีรสป้ยวนำอยู่
การคั่วในระยะนี้มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น Regular Roast, Brown Roast, City Roast

Viennese Roast การคั่วแบบเข้มระหว่างนาทีที่ 14-16 ที่อุณหภูมิประมาณ 450 องศาฟาเรนไฮต์ ระยะนี้ผิวของเมล็ดกาแฟจะมีน้ำมันออกมาเคลือบเล็กน้อย
การคั่วในระยะนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือFull City, หรือ Light French

Dark Brown หรือ Dark Roast ใช้เวลาประมาณ 16-18 นาที ที่อุณหภูมิประมาณ 400-480 องศาฟาเราไฮต์ เมล็ดจะมีสีน้ำตาลเข้มและมีน้ำมันจากภายในเมล็ดออกมาเคลือบมากขึ้น
เรียกการคั่วระยะนี้ว่า French Roast, Deep brown หรือ Cuban Roast

Continental การคั่วแบบนี้เป็นที่นิยมเหมาะแก่การนำไปชงเป้นกาแฟเอสเพรสโซ่ คนคั่งกาแฟต้องใช้ความสามารถและความชำนาญเป็นพิเศษ ระยะเวลาคั่วประมาณ 17-19 นาที เมล็ดกาแฟจะให้กลิ่นหอมจัด ปนกลิ่นไหม้จางๆอันเป็นเสน่ห์ของกาแฟ มีสีน้ำตาลำหม้ถึงสีดำ และจะมีน้ำมันซึมเยิ้มออกมาเคลือบเมล็ดจนเป็นมันวาว กาแฟคั่วแบบ Continental นี้มีรสชาติเข้มข้นมาก
นอกจากนี้ บางครั้งเรียกการคั่วระยะนี้ว่า Double Roast, High Roast, Espresso บ้างก็เรียกว่า การคั่วแบบ Italian



แหล่งที่มา: หนังสือกาแฟ เครื่องดื่มจากแดนสรวง
ขอขอบคุณ

เอสเพรสโซ่

         กาแฟที่ได้รับการยอมรับจากคอกาแฟทั่วโลก ถึงความดื่มต่ำล้ำลึกในกลิ่นรส คงเป็นอื่นใดเสียมิได้ นั่นก็คือเอสเพรสโซ่ แต่ถ้าถามคอกาแฟก็คงจะเป็นที่รู้จักกันดี แต่ถ้าถามคนทั่วไปที่ดื่มกาแฟบ้างเป็นครั้งคราว..ไม่ได้ชื่นชอบกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ..ก็คงจะตอบยากหน่อย  แต่ถึงอย่างไรกาแฟเอสเพรสโซก็ยังเป็นกาแฟที่เป็นส่วนผสมสำคัญของกาแฟอื่นๆด้วยนะค่ะ ดังนั้นวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกันค่ะว่า..กาแฟเอสเพรสโซ่คืออะไร



เอสเพรสโซ่ เป็นกาแฟที่มีรสชาดเข้มข้นที่สุดก็ว่าได้ คำว่าเอสเพรสโซ่ มาจากภาษาอิตาลี ที่แปลว่า เร่งด่วน เอสเพรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส การสั่งกาแฟ "caffe" ในร้าน ส่วนใหญ่แล้วจะสั่งเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่กันค่ะ
                เอสเพรสโซ่ที่ดีนั้นต้องกรุ่นกลิ่นหอมแต่ไกลมีสีน้ำตาลเข้มปราศจากตะกอน มีฟองครีมนุ่มลิ้นของกาแฟที่ผ่านการสกัดจาก Espresso Machine ประดับอยู่ที่ขอบแก้ว และมีรสชาติกลมกล่อมที่รู้สึกได้ตั้งแต่น้ำกาแฟไหลผ่านปลายลิ้นลงสู่ลำคอ ด้วยรสชาติชาติเข้มข้นและหนักแน่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟดื่มเอสเปรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนม และมักจะเสิร์ฟเป็นชอต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป (ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือ 30-60มิลลิลิตร แตกต่างตาม พฤติกรรมการดื่ม ของแต่ละประเทศ) การสั่งเอสเปรสโซตามร้านกาแฟทั่วไป มักสั่งตามปริมาณเป็น "ซิงเกิ้ล" หรือ "ดับเบิ้ล" (ชอตเดียว หรือ สองชอต) เอสเปรสโซมีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เพื่อไม่ให้เสียรสชาติจึงควรดื่มตอนชงเสร็จใหม่ ๆ)
                เอสเพรสโซ่ใช้กาแฟพันธุ์อาราบิก้าที่ให้รสละมุนนุ่มนวลหรืออาจผสมกับกาแฟโรบัสต้าเล็กน้อยๆ เพื่อให้ได้รสเข้มข้น

·        การดื่มเอสเพรสโซ่ 1 ชอต ต้องดื่มให้หมดภายในเวลา 10 นาที ด้วยการดื่มแบบซดเพื่อให้ลมเข้าไประบายความร้อนของน้ำกาแฟ
·        Espresso ที่ดีเวลาเสิร์ฟต้องร้อน มีฟองสีทองปกคลุมทั่วทั้งแก้ว มีกลิ่นหอมรุนแรง ที่สำคัญไม่มีแบบเย็น
·        เอสเปรสโซ่จะถูกเสริฟในแก้ว ขนาดเล็ก ปริมาณเพียง 1-2 ออนซ์ เท่านั้น ถ้านอกจากนี้ไม่ใช่แล้ว
·        การดื่มแบบอิตาเลี่ยนแท้ๆต้องดื่มทันทีที่เสริฟ และดื่มให้หมดภายในชอตเดียว ไม่ต้องเติมน้ำตาล หรือนม
·         เมื่อน้ำกาแฟเข้าปากแล้วอย่าเพิ่งกลืน ให้อมไว้ในกระพุ้งแก้มก่อนสักครู่ แล้วค่อยๆกลืนลงท้อง
·        กลิ่นกาแฟและรสชาติจะคงอยู่ในปาก ประมาณ30นาที
·        หลังจากนั้นควรล้างปากด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำชา ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ของกาแฟ
·        สำหรับผู้ที่เริ่มดื่ม อาจจะผสมน้ำตาลไป 1 ช้อนโต๊ะแล้วค่อยๆจิบก็ได้
·        รสชาติจริงๆ จะขมนำ แต่หวานชุ่มคอ ภายหลัง เหมือนรสคาราเมล


ประเภทของเครื่องดื่มกาแฟ (Coffee drink)

     คุณเคยไหมค่ะ.. ที่เวลาเดินเข้าร้านกาแฟ จะสั่งกาแฟดื่ม..แต่ไม่รู้ว่าจะสั่งกาแฟอะไรดี!! เพราะเกิดอาการเงอะงะหรือไม่รู้ว่าสูตรกาแฟต่างๆที่อยู่บนป้ายตามร้านกาแฟนั้น แต่ละสูตรเป็นอย่างไร..สั่งมาแล้วจะอร่อยไหม??
     ดังนั้น วันนี้เรามาทำความรู้จักกันนะค่ะ ว่าประเภทของกาแฟต่างๆ มีส่วนผสมอะไรบ้าง รสชาด และมีความแตกต่างกันตรงไหน คราวนี้ทุกครั้งที่คุณสั่งกาแฟถ้วยใหม่มาดื่ม คุณจะได้สามารถตัดสินใจได้ว่า อยากจะดื่มกาแฟอะไรที่อร่อย ถูกคอ ถูกปากของคุณยังไงล่ะค่ะ

เพิ่มคำอธิบายภาพ
เอสเพรสโซ (Espresso) พูดง่ายๆก็คือ กาแฟเพียวๆ นั่นเองค่ะ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นกาแฟที่มีรสชาดเข้มข้นที่สุดก็ว่าได้ คำว่าเอสเพรสโซ่ มาจากภาษาอิตาลี ที่แปลว่า เร่งด่วน เอสเพรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส การสั่งกาแฟ "caffe" ในร้าน ส่วนใหญ่แล้วจะสั่งเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่กันค่ะ
     ด้วยวิธีการชงแบบใช้แรงอัดทำให้เอสเปรสโซมีรสชาติกาแฟซึ่งเข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่ว ๆ ไปซึ่งชงแบบผ่านน้ำหยด และเพราะรสชาติเข้มข้นและหนักแน่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟดื่มเอสเปรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนม
     Tips เล็กๆ น้อยๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเอสเพรสโซ่ ต้องดื่มในขณะที่ชงเสร็จใหม่ เนื่องจากเอสเพรสโซ่มีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียรสชาดของเอสเพรสโซ่ที่แท้จริงก็ควรดื่มขณะที่ชงเสร็จใหม่ๆ ค่ะ



อเมริกาโน หรือ คาเฟ่ อเมริกาโน (café Americano) มีต้นกำเนิดมาจาก America ว่ากันว่าเอสเพรสโซ่เพรียวๆนั้น เข้มข้นเกินไปสำหรับคอกาแฟชาวอเมริกา ดังนั้นจึงมีการปรับปรุงสูตรได้เป็นกาแฟอเมริกาโนที่เป็นการเอา Espresso ที่เข้มข้นมาผสมน้ำให้มันจางลง นั่นเองค่ะ



ลาเต้ (Latte) คำว่าลาเต้ เป็นภาษาอิตาลี มีความหมายที่แปลว่า นม นั่นเองค่ะ กาแฟลาเต้นี้เป็นที่นิยมอย่างมากนอกประเทศอิตาลีช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ค่ะ นอกจากนี้ กาแฟลาเต้ที่รู้จักกันในอิตาลี ยังมีความหมายที่ใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศส "café au lait" ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม อีกด้วยค่ะ
ลาเต้มีส่วนผสมหลัก คือ เอสเพรสโซ ผสมนมร้อน รสชาดกาแฟลาเต้จะออกหวานๆ มันๆ น่าจะเป็นอะไรที่ทานง่ายสุดในบรรดากาแฟค่ะ

คาปูชิโน (Cappuccino)  มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี  คนในประเทศอิตาลีส่วนใหญ่มักจะดื่มคาปูชิโนโดยเฉพาะในตอนเช้ากันค่ะ โดยอาจมีขนมปังแผ่นหรือคุกกี้ประกอบ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า วิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกิจลักษณะ คาปูชิโนและขนมปังเบาๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำหรับยามเช้า และด้วยเหตุนี้ ทำให้ไม่ดื่มคาปูชิโนในช่วงอื่นของวัน
คาปูชิโน่มีส่วนผสมหลัก คือ เอสเพรสโซ่ ใส่นมเหมือนกัน แต่คาปูชิโน่จะเข้มข้นกว่าลาเต้ และเน้นเรื่องฟองนมมากกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คาปูชิโนมีรสชาติของกาแฟเข้มกว่าลาเต้ค่ะ



มอคค่า (Mocca) สำหรับที่มาของกาแฟมอคค่านี้ ก็เนื่องมาจาก กาแฟมอคค่าเป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่ง และปลูกอยู่บริเวณท่าเรือมอคค่าในประเทศเยเมนนั่นเองค่ะ มอคค่าเป็นเมล็ดกาแฟที่มีสีและกลิ่นคล้ายชอคโกแลต ซึ่งก็นับว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกาแฟมอคค่าค่ะ
นอกจากนี้มอคค่ายังหมายถึงกาแฟที่ผสมพวกโกโก้ และชอกโกแลตด้วย เหมาะกับผู้ที่ชอบดื่มกาแฟที่มีความหอม หวาน และมันของช็อคโกแลตที่ผสมอยู่ด้วยค่ะ





แหล่งที่มา: วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

แหล่งผลิตกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลก


     ต้นกาแฟเจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้น ตามเส้นศูนย์สูตรของโลก ได้แก่ เอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย การปลูกกาแฟในพื้นที่ต่างกันย่อมให้กาแฟที่มีกลิ่นรสแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ นั่นเองค่ะ  นอกจากนี้ กาแฟเป็นพืชที่ชอบน้ำและแสงแดด เป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่มขนาดกลาง เมื่อลำต้นโตเต็มที่ควรตัดแต่งกิ่ง ให้สูงประมาณ 3-5 เมตร เพื่อความสะดวกในการเก็บผล ซึ่งสามารถให้ผลผลิตได้นั้น ก็ต่อเมื่อมันมีอายุ 4 ปี จากนั้นก็สามารถเก็บผลผลิตได้เรื่อยๆไปจนถึงปีที่ 15 เลยค่ะ

จาไมกา 
เป็นแหล่งผลิตกาแฟที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก บลูเมาน์เทน ซึ่งปลูกบนยอดเขาสูง กาแฟที่ปลูกในเขตนี้ รสชาดเปรี้ยวมาก เวลาดื่มจะรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ของกาแฟ ให้ความสดชื่น กระฉับกระเฉงผลผลิตเกือบทั้งหมดถูกส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นและที่เหลืออีกเล็กน้อยถูกส่งไป สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, และเยอรมนี ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงคือ ไฮเมาน์เทนซูพรีม (Hign Mountain Supreme) และ ไพรม์วอชท์จาไมกัน (Prime Washed Jamaican)

บราซิล 
ผลิตกาแฟเป็นอันดับ 1 ของโลก (ราวๆ 35% ของกาแฟทั้งโลก) จนเรียกกันว่าเป็น เมืองกาแฟ ยี่ห้อที่มีชื่อคือ บราซิเลียน ซานโตส (Brazillian Santos)

โคลัมเบีย 
เป็นหนึ่งในกาแฟที่ทั่วโลกชื่นชอบ ผลิตกาแฟเป็นอันดับ 2 ของโลก กาแฟที่มีชื่อคือ ซูรีโม (Suremo)

เวียดนาม 
ส่งออกกาแฟได้เป็นอันดับ 3 ของโลก

ฮาวาย 
กาแฟขึ้นชื่อคือ โคน่า (Kona)

อินโดนีเซีย เกาะชวา 
กาแฟจากเกาะชวาที่เรียกกันว่า จาวาวิธีการเฉพาะของที่นี่คือ การบ่มในโกดังพิเศษเพื่อให้เมล็ดกาแฟเปลี่ยนสี และมีรสชาติที่ดี
อินโดนีเซีย เกาะสุมาตรา 
ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า กาแฟแมนเฮลิงและอันโกลาของชวา มีรสชาติดีกว่าบลูเมาน์เทนและโคน่าเสียอีก

อินเดีย
 มีกาแฟรสชาติเฉพาะตัว ชื่อมอนซูน มาลาบาร์ (Monsooned Malabar)

เคนยา 
ถือว่าเป็นพันธุ์กาแฟคุณภาพดีเป็นที่ถามหาของคอกาแฟ โดยเฉพาะที่ปลูกแถบภูเขาคีลีมันจาโร มีรสชาดเปรี้ยว
แหลม (tangy) และขมพอดี ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มไวน์แดงชั้นดี (winy) มี body ระหว่าง medium ไปถึง full (body คือความรู้สึกเต็มปากเต็มคำ อะไรทำนองนั้น…) และมีความพิถีพิถันเรื่องคุณภาพมาก กาแฟที่มีคุณภาพที่สุด คือ "เคนยา AA"

เอธิโอเปีย 
ประชากร 1 ใน 4 ของประเทศมีรายได้จากอุตสาหกรรมกาแฟ กาแฟที่นี่มีลักษณะเฉพาะเนื่องจากมีกาแฟป่าปะปนอยู่ แต่นี่ก็เป็นสาเหตุให้รสชาติมีความไม่แน่นอนสูงด้วยเช่นกัน กาแฟที่มีชื่อเสียงคือ ฮารา ลองเบอรี่ (Harrar Longberry) , ซีดาโม (Sidamo) , และคาฟฟา (Kaffa)


แหล่งที่มา: วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

สายพันธ์ุกาแฟ (coffee bean)

กาแฟนั้นได้มาจากเมล็ดในผลของต้นกาแฟที่มีเรื่องเล่ากันว่า กาแฟพบครั้งแรกที่ประเทศเอธิโอเปีย ผลของกาแฟจะมีขนาดเล็ก สีแดงเหมือนเชอร์รี่ ก็เลยเรียกกันว่า Coffee Cherries แต่ที่เราเอามาดื่มคือเมล็ดที่อยู่ข้างในที่เรียกว่าบีนส์ (Beans)...เมล็ดกาแฟที่มีขายทุกวันนี้มีอยู่ 3 สายพันธุ์ด้วยกัน คือ

พันธุ์กาแฟอาราบิก้า (Arabica) 
ป็นกาแฟสายพันธุ์ที่ดีที่สุด คือ มีปริมาณสารกาแฟชั้นดี มีกลิ่น และรสชาติดีที่สุด แต่มีข้อเสียคือปลูกยาก ดูแลรักษายาก และต้องเลือกปลูกบนพื้นที่สูงๆ เท่านั้น ผลผลิตต่อต้นจะประมาณครึ่งเดียวของพันธุ์โรบัสต้า แต่เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ใครๆ ก็ต้องการก็เลยปลูกกันเยอะมาก มีปริมาณการผลิตถึง 80% ของกาแฟในตลาดโลก เป็นพันธุ์อาราบิก้า พันธุ์อาราบิก้ามีปริมาณคาเฟอีนประมาณ 1.1-1.7% หรือประมาณครึ่งหนึ่งของพันธุ์โรบัสต้าในปริมาณเท่ากัน


พันธุ์โรบัสต้า (Robusta) 
ปลูกง่าย ทนแล้ง ต้านทานโรคได้ดี และให้ผลผลิต แต่มีรสขมและฝาด เนื่องจากมีปริมาณคาเฟอีนสูง ข้อดีคือมีกลิ่นหอม จึงมักนิยมผสมกาแฟโรบัสต้าในกาแฟสูตรต่างๆ หรือนำไปทำกาแฟสำเร็จรูป

พันธุ์ไลเบริก้า 
ปลูกได้ง่ายเหมือนโรบัสต้า มีที่มาจากแอฟริกา คุณภาพอยู่ระดับเดียวกับโรบัสต้า


นอกจากนี้ ก็ยังมีกาแฟอีกประเภทที่ปรุงด้วยสูตรพิเศษเฉพาะตัว โดยการผสมกาแฟพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้ได้คุณสมบัติเด่นที่ต่างออกไปเรียกว่า เบลนด์ (Blend) บางครั้งการเบลนด์ก็เป็นการคลุกกาแฟบดที่ต่างๆ กันเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้รสชาดแปลกออกไป ซึ่งร้านกาแฟแต่ละแห่งจะรักษาสูตรเฉพาะนี้ไว้เป็นของตัวเอง มอคคา (Mocca/Mocha) เป็นชื่อกาแฟที่มีลักษณะเฉพาะตัว คือ มีเม็ดเล็ก และมีความเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เมล็ดกาแฟมอคคา ส่วนใหญ่จะมาจากเมืองมอคคา ประเทศเยเมน ส่วนเครื่องดื่มมอคคา มักใช้เรียกกาแฟที่มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมมอคคา หรือน้ำเชื่อมรสช็อคโกแลต



แหล่งที่มา: gorkorcor
ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต