- ต้องดูแลเครื่องชงประเภทต่างๆ ให้สะอาดอยู่เสมอ ระวังไม่ให้อบ หรืออับด้วยกลิ่นแปลกปลอมต่างๆ แม้กระทั่งกลิ่นอับของความชื้น หรือการเก่าเก็บ (เพราะกลิ่นเหล่านี้จะสร้างปัญหาให้กาแฟถ้วยต่อไปของคุณได้ค่ะ)
- ต้องศึกษาเครื่องชงแต่ละชนิดว่าใช้กาแฟบดชนิดใด และใช้เวลาชงเท่าใด
- ควรใส่ปริมาณผงกาแฟเท่าเดิมเสมอทุกครั้ง โดยส่วนใหญ่ผงกาแฟที่ใส่แต่ละครั้งก็จะอประมาณ 7-10 กรัม ในตะแกรงชงแบบ 1 ช็อต ส่วน 14-18 กรัม ในตะแกรงแบบ 2 ช็อต ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อเครื่อง รุ่นเครื่องด้วย เพราะว่าการออกแบบของตะแกรงช็อตของแต่ละยี่ห้อนั้นมันไม่เหมือนกัน จึงมีปริมาณการใส่ที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไปด้วยค่ะ
- *กาแฟที่บดละเอียดจนเกินไป จะใช้เวลาชงมากกว่าปกติ และทำให้กาแฟมีรสชาดขม ส่วนกาแฟที่บดหยาบเกินไป จะใช้เวลาชงน้อยกว่าปกติ ทำให้กาแฟที่ได้มีรสชาดเจือจาง ทั้งนี้เพราะน้ำที่ใช้ชงกาแฟมีโอกาสดูดซับและสัมผัสกาแฟต่างกัน รสชาดกาแฟที่ได้จึง
- ต้องใช้เมล็ดกาแฟคั่วที่บดใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้กาแฟถ้วยนั้นของคุณมีกลิ่นหอมชวนดื่มมากเป็นพิเศษและห้ามนำกาแฟที่ผ่านการชงแล้วกลับมาชงใหม่เป็นอันขาด
- อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมและดีที่สุดในการชงกาแฟแต่ละครั้งจะอยู่ที่ 94 องศาเซลเซียส
- ปริมาณน้ำที่ออกมาในแต่ละครั้งที่เราชงกาแฟมีความเหมาะสม คือ โดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นตะแกรง 1 ช็อต เราก็จะสกัดน้ำกาแฟออกมาให้ได้ปริมาณประมาณ 1 ออนซ์ แต่ถ้าเป็นตะแกรง 2 ช็อต น้ำกาแฟที่สกัดออกมาก็จะได้ประมาณ 2 ออนซ์ที่รวมมากับครีม่าแล้วนะค่ะ ซึ่งปริมาณอันนี้เป็นการบอกคร่าวๆนะคะ ทั้งนี้ต้องดูควบคู่กับเรื่องเวลาในการสกัดน้ำกาแฟออกมาด้วยค่ะ
- ภาชนะหรือถ้วยที่ชงกาแฟต้องสะอาดไม่มีฝุ่นละอองจับหรือสกปรกและต้องไม่เป็นถ้วยเก่าเก็บ
- น้ำที่นำมาชงกาแฟควรใช้น้ำสะอาดหรือน้ำดื่ม ปราศจากคลอรีน กลิ่นและสี และหากไม่ชอบกาแฟที่มีรสชาติแปร่งๆ ก็ไม่ควรใช้น้ำแร่ หรือน้ำประปา
- เพื่อเป็นการเพิ่มรสชาดที่แตกต่างของกาแฟ อาจเติมน้ำตาล คาราเมล นม เป็นต้น
แหล่งที่่มา:bluekoff
ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต